โพสต์ยอดนิยม
-
มาตรฐานวิชาชีพทางการศึกษา สำนักมาตรฐานวิชาชี...
-
ธรรมสำหรับครู ครูบาอาจารย์ผู้ที่เปี่ยมล้นด้วยคุณธรรมแบบนี้ ไม่เคยถือโทษ โกรธเคือง อโหสิแม้ผู้ที่มาทำร้ายตน ครูจึงเป็นผู้มีกัลยาณมิตรธร...
-
http://www.youtube.com/watch?v=v8h8wbGSZ7g&list=UU0ygyzV6eSqfTpI-nQeBALw&index=4&feature=plcp
-
บทสนทนาเด็ดๆจากข้อสอบ ปี 48 - 54 (มี.ค.) You bet. รับรองคุณได้ I bet. ...
-
http://www.chinnaworn.com/
วันอังคารที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2554
วันจันทร์ที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2554
วันอาทิตย์ที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2554
tenses
ความหมายของ Tense
Tense คือ รูปของคำกริยาที่บอกเวลาของการกระทำ ในภาษาอังกฤษการกระทำที่เกิดขึ้นในเวลาที่แตกต่างกันจะใช้รูปของคำกริยาที่แตกต่างกัน เช่น
1. I am playing football now. ( ฉันกำลังเล่นฟุตบอล )2. I played football yesterday. ( ฉันเล่นฟุตบอลเมื่อวานนี้ )
ในประโยคที่ 1 รูปของคำกริยาคือ am playing บอกให้รู้ว่าการเล่นฟุตบอลกำลังเกิดขึ้นในขณะที่พูดประโยคนี้ออกมา
ในประโยคที่ 2 รูปของคำกริยาคือ played บอกให้รู้ว่าการเล่นฟุตบอลเกิดขึ้นเมื่อวานนี้
1.2 ชนิดของ Tense แบ่งออกเป็น 3 ชนิดใหญ่ คือ
1. Present Tense ใช้กับการกระทำที่เป็นปัจจุบัน2. Past Tense ใช้กับการกระทำที่เป็นอดีต3. Future Tense ใช้กับการกระทำที่เป็นอนาคต
แต่ละ Tense ใหญ่แบ่งออกเป็น 4 Tense ย่อย จึงมีทั้งหมด 12 Tense ดังนี้
Present Tense | Past Tense | Future Tense |
1. Present Simple Tense | 1. Past Simple Tense | 1. Future Simple Tense |
2. Present Progressive Tense | 2. Past Progressive Tense | 2. Future Progressive Tense |
3. Present Perfect Tense | 3. Past Perfect Tense | 3. Future Perfect Tense |
4. Present Perfect Progressive Tense | 4. Past Perfect Progressive Tense | 4. Future Perfect Progressive Tense |
1.3 โครงสร้างของ Tense ทั้ง 12 Tense ย่อยมีโครงสร้างของประโยคดังนี้
Present Tense | Past Tense | Future Tense |
1. S + V.1 | 1. S + V.2 | 1. S + will , shall +V.1 |
2. S + is ,am , are + V.1 เติม ing | 2. S + was , were + V.1 เติม ing | 2. S + will, shall + be + V.1 เติม ing |
3. S + have , has + V.3 | 3. S + had + V.3 | 3. S + will , shall + have , has + V.3 |
4. S + have , has + been + V.1 เติม ing | 4. S + had + been + V.1 เติม ing | 4. S +will , shall + have + been + V.1 เติม ing |
S ย่อมาจาก Subject หมายถึง ประธานของประโยค
V.1 ย่อมาจาก Verb 1 หมายถึง กริยาช่องที่ 1
V.2 ย่อมาจาก Verb 2 หมายถึง กริยาช่องที่ 2
V.3 ย่อมาจาก Verb 3 หมายถึง กริยาช่องที่ 3
หลักการใช้แต่ละ tense มีดังนี้
[1.1] Present simple tense เช่น He walks. เขาเดิน,
1. ใช้กับ เหตุการที่เกิดขึ้นตามความจริงของธรรมชาติ และคำสุภาษิตคำ พังเพย.
2. ใช้กับเหตุการณ์ที่เป็นความจริงในขณะที่พูด (ก่อนหรือหลังจะไม่จริงก็ตาม).
3. ใช้กับกริยาที่ทำนานไม่ได้ เช่น รัก, เข้าใจ, รู้ เป็นต้น.
4. ใช้กับการกระทำที่คิดว่าจะเกหิดขึ้นในอนาคตอันใกล้(จะมีคำวิเศษณ์บอกอนาคตร่วมด้วย).
5. ใช้ในการเล่าสรุปเรื่องต่างๆในอดีต เช่นนิยาย นิทาน.
6. ใช้ในประโยคเงื่อนไขในอนาคต ที่ต้นประโยคจะขึ้นต้น ด้วยคำว่า If (ถ้า), unless (เว้นเสียแต่ว่า), as soon as (เมื่อ,ขณะที่), till (จนกระทั่ง) , whenever (เมื่อไรก็ ตาม), while (ขณะที่) เป็นต้น.
7. ใช้กับเรื่องที่กระทำอย่างสม่ำเสมอ และมีคำวิเศษณ์บอกเวลาที่สม่ำเสมอร่วมอยู่ด้วย เช่น always (เสมอๆ), often (บ่อยๆ), every day (ทุกๆวัน) เป็นต้น.
8. ใช้ในประโยคที่คล้อยตามที่เป็น [1.1] ประโยคตามต้องใช้ [1.1] ด้วยเสมอ.
[1.2] Present continuous tense เช่น He is walking. เขากำลังเดิน.
1. ใช้ในเหตุการณ์ที่กำลังกระทำอยู่ในขณะที่พูด(ใช้ now ร่วมด้วยก็ได้ โดยใส่ไว้ต้น ประโยค, หลังกริยา หรือสุดประโยคก็ ได้).
2. ใช้ในเหตุการณ์ที่กำลังกระทำอยู่ในระยะเวลาอันยาวนาน เช่น ในวันนี้ ,ในปีนี้ .
3. ใช้กับเหตุการณ์ที่ผู้พูดมั่นใจว่าจะต้องเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้ เช่น เร็วๆนี้, พรุ่งนี้.
*หมายเหตุ กริยาที่ทำนานไม่ได้ เช่น รัก ,เข้าใจ, รู้, ชอบ จะนำมาแต่งใน Tense นี้ไม่ได้.
[1.3] Present perfect tense เช่น He has walk เขาได้เดินแล้ว.
1. ใช้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแล้วในอดีต และต่อเนื่องมาจนถึง ปัจจุบัน และจะมีคำว่า Since (ตั้งแต่) และ for (เป็นเวลา) มาใช้ร่วมด้วยเสมอ.
2. ใช้กับเหตุการณ์ที่ได้เคยทำมาแล้วในอดีต (จะกี่ครั้งก็ได้ หรือจะทำอีกใน ปัจจุบัน หรือจะทำในอนาคต ก็ได้)และจะมีคำ ว่า ever (เคย) , never (ไม่เคย) มาใช้ร่วมด้วย.
3. ใช้กับเหตุการณ์ที่จบลงแล้วแต่ผู้พูดยังประทับใจอยู่ (ถ้าไม่ประทับใจก็ใช้ Tense
4. ใช้กับ เหตุการที่เพิ่งจบไปแล้วไม่นาน(ไม่ได้ประทับใจอยู่) ซึ่งจะมีคำเหล่านี้มาใช้ร่วมด้วยเสมอ คือ Just (เพิ่งจะ), already (เรียบร้อยแล้ว), yet (ยัง), finally (ในที่สุด) เป็นต้น.
[1.4] Present perfect continuous tense เช่น He has been walking . เขาได้กำลังเดินแล้ว.
* มีหลักการใช้เหมือน [1.3] ทุกประการ เพียงแต่ว่าเน้นว่าจะทำต่อไปในอนาคตด้วย ซึ่ง [1.3] นั้นไม่เน้นว่าได้กระทำอย่างต่อเนื่องหรือไม่ ส่วน [1.4] นี้เน้นว่ากระทำมาอย่างต่อเนื่องและจะกระทำต่อไปในอนาคตอีกด้วย.
[2.1] Past simple tense เช่น He walked. เขาเดิน แล้ว.
1. ใช้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและจบลงแล้วในอดีต มิได้ต่อเนื่องมาถึงขณะ ที่พูด และมักมีคำต่อไปนี้มาร่วมด้วยเสมอในประโยค เช่น Yesterday, year เป็นต้น.
2. ใช้กับเหตุการณ์ที่ทำเป็นประจำในอดีตที่ผ่านมาในครั้งนั้นๆ ซึ่งต้องมีคำวิเศษณ์บอกความถี่ (เช่น Always, every day ) กับคำวิเศษณ์ บอกเวลา (เช่น yesterday, last month ) 2 อย่างมาร่วมอยู่ด้วยเสมอ.
3. ใช้กับเหตุการณ์ที่ได้เคยเกิดขึ้นมาแล้วในอดีต แต่ปัจจุบันไม่ได้เกิด อยู่ หรือไม่ได้เป็นดั่งในอดีตนั้นแล้ว ซึ่งจะมีคำว่า ago นี้ร่วมอยู่ด้วย.
4. ใช้ในประโยคที่คล้อยตามที่เป็น [2.1] ประโยคคล้อยตามก็ต้อง เป็น [2.1] ด้วย.
[2.2] Past continuous tense เช่น He was walking . เขากำลังเดินแล้ว
1. ใช้กับเหตุการณ์ 2 อย่างที่เกิดขึ้นไม่พร้อมกัน { 2.2 นี้ไม่นิยมใช้ตามลำพัง - ถ้าเกิดก่อนใช้ 2.2 - ถ้าเกิดทีหลังใช้ 2.1}.
2. ใช้กับเหตุการณ์ที่ ไดกระทำติดต่อกันตลอดเวลาที่ได้ระบุไว้ในประโยค ซึ่งจะมีคำบอกเวลาร่วมอยู่ด้วยในประโยค เช่น all day yesterday etc.
3. ใช้กับเหตุการณ์ 2 อย่างที่กำลังทำในเวลาเดียวกัน(ใช้เฉพาะกริยาที่ทำได้นานเท่านั้น หากเป็นกริยาที่ทำนานไม่ได้ก็ใช้หลักข้อ 1 ) ถ้าแต่งด้วย 2.1 กับ 2.2 จะดูจืดชืดเช่น He was cleaning the house while I was cooking breakfast.
[2.3] Past perfect tense เช่น He had walk. เขาได้เดินแล้ว.
1. ใช้กับ เหตุการณ์ 2 อย่างที่เกิดขึ้นไม่พร้อมกันในอดีต มีหลักการใช้ดังนี้.
เกิดก่อนใช้ 2.3 เกิดทีหลังใช้ 2.1.
2. ใช้กับเหตุการณ์หรือการกระทำอันเดียวก็ได้ในอดีต แต่ต้องระบุชั่วโมงและวันให้แน่ชัดไว้ในทุกประโยคด้วยทุกครั้ง เช่น She had breakfast at eight o’ clock yesterday.
[2.4] past perfect continuous tense เช่น He had been walking.
มีหลักการใช้เหมือนกับ 2.3 ทุกกรณี เพียงแต่ tense นี้ ต้องการย้ำถึงความต่อเนื่องของการกระทำที่ 1 ว่าได้กระทำต่อเนื่องไปจนถึงการกระทำที่ 2 โดยมิได้หยุด เช่น When we arrive at the meeting , the lecturer had been speaking for an hour . เมื่อพวกเราไปถึงที่ ประชุม ผู้บรรยายได้พูดมาแล้ว เป็นเวลา 1 ชั่วโมง.
[3.1] Future simple tense เช่น He will walk. เขาจะเดิน.
ใช้กับเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ซึ่งจะมีคำว่า tomorrow, to night, next week, next month เป็นต้น มาร่วมอยู่ด้วย.
* Shall ใช้กับ I we.
Will ใช้กับบุรุษที่ 2 และนามทั่วๆไป.
Will, shall จะใช้สลับกันในกรณีที่จะให้คำมั่นสัญญา, ข่มขู่บังคับ, ตกลงใจแน่วแน่.
Will, shall ใช้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นโดยธรรมชาติหรือจงใจก็ได้.
Be going to (จะ) ใช้กับความจงใจของมนุษย์ เท่านั้น ห้ามใช้กับเหตุการณ์ของธรรมชาติและนิยมใช้ใน ประโยคเงื่อนไข.
[3.2] Future continuous tense เช่น He will be walking. เขากำลังจะ เดิน.
1. ใช้ในการบอกกล่าวว่าในอนาคตนั้นกำลังทำอะไรอยู่ (ต้องกำหนดเวลาแน่นอน ด้วยเสมอ).
2. ใช้กับเหตุการณ์ 2 อย่างที่จะเกิดขึ้นไม่พร้อมกันในอนาคต มีกลักการใช้ดังนี้.
- เกิดก่อนใช้ 3.2 S + will be, shall be + Verb 1 ing.
- เกิดทีหลังใช้ 1.1 S + Verb 1 .
[3.3] Future prefect tens เช่น He will walked. เขาจะได้เดินแล้ว.
1. ใช้กับเหตุการณ์ที่จะ เกิดขึ้นหรือสำเร็จลงในเวลาใดเวลาหนึ่งในอนาคต โดยจะมีคำว่า by นำหน้ากลุ่มคำที่บอกเวลา ด้วย เช่น by tomorrow , by next week เป็น ต้น.
2. ใช้กับเหตุการณ์ 2 อย่างที่จะเกิดขึ้นไม่พร้อมกันในอนาคต มีหลักดังนี้.
- เกิดก่อนใช้ 3.3 S + will, shall + have + Verb 3.
- เกิด ที่หลังใช้ 1.1 S + Verb 1 .
[3.4] Future prefect continuous tense เช่น He will have been walking. เขาจะได้กำลัง เดินแล้ว.
ใช้เหมือน 3.3 ต่างกันเพียงแต่ว่า 3.4 นี้เน้นถึงการกระทำที่ 1 ได้ทำต่อเนื่องมาจนถึงการกระทำที่ 2 และจะกระทำต่อไปในอนาคต อีกด้วย.
* Tense นี้ไม่ค่อยนิยมใช้บ่อย นัก โดยเฉพาะกริยาที่ทำนาน ไม่ได้ อย่านำมาแต่งใน Tense นี้เด็ดขาด.
วันเสาร์ที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2554
ข้อความบทสนทนาที่มักเจอในข้อสอบ Gat
บทสนทนาเด็ดๆจากข้อสอบ ปี 48 - 54 (มี.ค.)
You bet. รับรองคุณได้
I bet. ฉันรับรอง
It’s up to you. ขึ้นอยู่กับคุณ (tohim ขึ้นอยู่กับเขา)
no sweat ! ไม่เหนื่อยเลย - ไม่ต้องออกแรง
You drive me crazy. เธอทำให้ฉันโกรธจริง ๆ นะ หรือ เธอทำให้ฉันหลงใหล
Out of the question ! เป็นไปไม่ได้
Good old day ความหลัง
Keep one’s finger crosses ภาวนาให้สมหวัง, อวยพรให้, ขอให้สมหวัง
Make up his mind เปลี่ยนใจ
Window Shopping ดูอย่างเดียวไม่ได้ซื้อ
How about . . . ชักชวน . . . หรือ ถามความเห็น
What about . . . เสนอแนะ . . . ดีไหม
What about your father. คุณพ่อเป็นอย่างไร ดีไหม
What's on ? ถามชื่อของเหตุการณ์
What's up ? เกิดอะไรขึ้น
What took place ? เกิดอะไรขึ้น
What's going on? เกิดอะไรขึ้น
What's happen ? เกิดอะไรขึ้น
What's the matter? เกิดอะไรขึ้น
What's more? ยิ่งไปกว่านั้น
What's else. นอกจากนี้
So what. อะไรนะ ใช้เมื่อฟังไม่ทัน หรือไม่เข้าใจที่พูด
Guess what ? ทายสิอะไร ?
Why not? ทำไมไม่ . . . - ใช้ในการเสนอความคิด
Why not you go home and rest now? คุณก็กลับบ้านและพัก เสนอความคิด
Why did not tell me about that? ทำไมไม่บอกฉัน เป็นการตั้งคำถาม
What do you do (for a living)? ถามอาชีพ?
Pardon me ! ขอโทษ หรือ พูดให้ฟังอีกรอบ - ประโยคคำสั่ง
Please, pardon me! กรุณาพูดอีกรอบ
This is it! (That is it!) พอใจ หรือ ตรงความพอใจ, สมหวังกับที่รอคอย
ใช้กับ เวลา สถานที่ สิ่งของ ที่รอคอยซึ่งได้มาถึงแล้ว
That’s life. (Such is life.) ยอมรับสภาพทั่วไป, ชีวิตก็เป็นแบบนี้
(ขอไปหลายสิ่ง ใช้ของหลายสิ่ง พิถีพิถัน และ ได้ครบตรงตามที่ขอ ไม่ขาด ไม่พลาด)
Dear me! (อุทาน) โอ้วทำไปได้ หรือ ได้โปรดเถอะ
My dear! Dear, dear! (อุทาน) โอ้วทำไปได้ หรือ ได้โปรดเถอะ
I couldn’t agree more. เห็นด้วย จนไม่มีอะไรที่ไม่เห็นด้วยอีกแล้ว
Who’s who? ใครเป็นใคร ใช้ในการบอกที่มา เช่น สมุดประวัติคนไข้
That’s that. พอกันที, จบได้แล้ว
What’s what? รู้จักแยกแยะว่าคืออะไร?
That’s all. = That’ll do. เท่านั้นก็พอ, ครบถ้วน, หมดแล้ว
Coming right up! มาได้เหมาะเจาะ
It’s my pleasure. ด้วยความยินดี
All that ทั้งหมดตามนั้น
All in all พิจารณาทั้งหมด, โดยรวม
All at once ทันใดนั้น
Anyway เอาเป็นว่า, ได้เรื่องคือ, สิ่งที่จะพูดคือ, กล่าวคือ
Cut down ลด หรือ ย่อ
Make it over มอบมรดก
Drop you a line เขียนจดหมาย
Get in touch ติดต่อหากัน
Keep off ออกห่าง ไปให้พ้นทาง
Get on/ off ขึ้น/ลง รถพาหนะ
Get out ออกไป
Look (around) for หา (ใกล้ๆ)
Knocks me off ทำงานจนแทบเป็นลม, เสร็จงาน, ขโมยความคิด
Do me in ทำให้ฉันเบื่อมาก
Get me to เริ่มจะ (โมโห) ใช้ในทางที่ไม่ดี ไม่พอใจ รำคาญ
Fall over ล้ม, หกล้ม
Fight like cat and dog เถียงกันรุนแรง
Take a deep breath หายใจลึกๆ ไม่ต้องตกใจ
Sleep on it ขอไปคิดก่อนหนึ่งคืน พรุ่งนี้ให้คำตอบ
Be accountable ยอมรับว่าตนผิด
Back it out ห้ามเผยแพร่
Blackout ปิดไฟ, ไฟดับ
Call it off เลื่อนออกไป
Food for thought ไตร่ตรอง, เรื่องที่คิดก่อนลงมือ
A world of difference มาจากคนละพื้นฐาน, พื้นเพต่างกันมาก, พัฒนาไปไกล
A slip of the tongue พูดผิดไปเล็กน้อย, ลิ้นรัว, ลิ้นพันกัน
Play out เสร็จสิ้น
Play along เล่นไปตามบท, ทำเป็นร่วมมือ, ไปตามน้ำ
Play down ลดบทบาท
Play back เล่นรายการที่อัดหรือเล่นหลังจากการบันทึกภาพเสียง
It’s on me. ฉันจ่ายให้, ให้เป็นหน้าที่ฉัน
It’s touch and go. เสี่ยงอันตราย
It’s anyone’s guess. ไม่มีใครคาดเดาได้
It’s up in the air. ไม่มีการตัดสินใจ, เรื่องที่รอการตัดสินใจ
It’s overrated. เป็นจำนวนมาก หรือ มากจนล้น
Just be on the safe side. เพื่อไม่ต้องเสี่ยง, เตรียมการล่วงหน้า
Off the top of my head พูดจากความรู้สึกนึกคิดจริงๆ
Not at the top of my head ไม่ได้พูดหรือแสดงจากความรู้สึกนึกคิดจริง
Keep your head. คุมอารมณ์ ทำจิตใจให้ไม่ว้าวุ่นในเหตุการณ์ที่ยาก
Lose your head. ฟุ้งซ่าน, วุ่นวาย, ในสถานการณ์ลำบากควบคุมไม่อยู่
Drop the ball. ทำสิ่งผิดพลาด, ไม่บรรลุจุดหมาย
Hit the sack. (Hit the hay.) ไปเข้านอน
Get the sack. ออกจากงาน, ทิ้งงาน, ลาออก
Tie the knot. แต่งงาน
Pave the way. เตรียมการ, ปูทางรอไว้ล่วงหน้า
Call the shots/tune. เป็นผู้เลือกเองว่าจะทำอะไร, คนที่ตัดสินใจทำ
That’s life. (Such is life.) ยอมรับสภาพทั่วไป, ชีวิตก็เป็นแบบนี้
Let me meet you half way. พบกันคนละครึ่งทาง, จุดพอดีของความเห็นที่ไม่ตรงกัน
First thing first ทำตามคำสั่งทีละขั้น
On top of the mountain ดีใจที่สุด
Over the hill ผ่านไปแล้ว
Just around the corner เร็วๆนี้ ใกล้ถึงแล้ว
Over the (silver) moon ดีใจมาก
On the bright side มองโลกในแง่ดี
Under a cloud ผู้ต้องสงสัย
Every cloud has a silver lining. ในร้ายยังมีดี, ในความโชคร้ายยังมีความหวัง
A drop in the ocean เล็กน้อยเมื่อเทียบกัน
Without a shadow of doubt ไม่ต้องสงสัย มั่นใจแน่นอน
A change of heart เปลี่ยนการตัดสินใจเนื่องจากได้ตัดสินใจผิดพลาด
A stick in the mud แฟชั่นล้าหลังหรือเฉยมาก, ลุงเชย
Whatever you say . เชิญคุณพูดตามสบาย(ประชด), พูดได้พูดไป
That’s the golden rule. ทำสิ่งใดย่อมได้สิ่งนั้น
That has nothing to do with it. อยู่นิ่งๆ ทำเป็นไม่สนใจ
Back to square one กลับไปยังจุดเริ่มต้น หรือ ไม่มีผลงาน
As good as (practically) ใช้ได้
Keep a low profile ทำตัวไม่โดดเด่น= remain inconspicuous
Believe me! เป็นเรื่องจริง
I couldn’t believe my eyes! (believe one’s ears or one’s eye)
ฉันไม่อยากเชื่อสายตา = สิ่งที่ได้เห็นหรือได้ยินเป็นเรื่องจริง
Baby boomer ช่วงหลังสงครามโลก 1924-1964 ทารกเกิดมากในอเมริกา
Let’s go halves. (go half and half) แบ่งกันคนละครึ่ง หรือ พบกันคนละครึ่ง
Things got out of hand. ทุกสิ่งกลายเป็น ควบคุมไม่อยู่ - รับมือไม่ได้ (out of hand)
This is off the topic. นี่นอกเรื่อง (ออกนอกเรื่อง)
That’s putting it strongly. นั่นทำให้เรื่องเข้มข้น
You can say that again. เป็นอย่างที่คุณพูด, พูดอย่างเดิม
For sure I would play safe. แน่นอน ฉันจะหลีกเลี่ยงอันตราย
I wonder if you can lose heart ฉันสงสัยว่า คุณจะตัดใจได้หรือไม่
(give heart ให้ความรัก lose heart เลิกรัก)
Rip off โกงเงิน ขโมยเงิน
Learn one’s lesson เรียนรู้จะไม่ทำผิดอีกครั้ง หรือ ไม่ทำผิดซ้ำสอง
Wash one’s hand ไม่เกี่ยวข้องหรือรับผิดชอบใด
Down and out เงินหมด
Back and forth วนซ้ำ, วิ่งไปมา
Why on earth, What on earth นั่น(เน้นว่า)ทำไม, นั่น(เน้นว่า)อะไร
It’s a shame. สำนึกน่าละอาย (ผู้พูดรู้สึกละอายใจ)
Sleep like a log หลับเป็นตาย
Take a risk. เสี่ยง, ท้าอันตราย
I’m on foot. เดินมา
Give me a ride. นั่งรถไปด้วยกัน, อาสาไปส่ง
It’s food for thought for them. เป็นเรื่องที่ต้องใตร่ตรองให้รอบคอบสำหรับพวกเขา
So far so good ยิ่งทำยิ่งดี-ก้าวหน้า
Good for you ยินดีด้วย
Hang in there อดทน, อึดเข้าไว้
Get back กลับมา
On track เกือบสำเร็จ
Far off อีกนาน
Get hold of โทรหา (โทรตามตัวหรือโทรจิก)
That’s out of the question. เป็นไปไม่ได้
I didn’t put her through. ฉันไม่ได้ต่อสายโทรศัพท์ของเธอ
You bet. รับรองคุณได้
I bet. ฉันรับรอง
It’s up to you. ขึ้นอยู่กับคุณ (tohim ขึ้นอยู่กับเขา)
no sweat ! ไม่เหนื่อยเลย - ไม่ต้องออกแรง
You drive me crazy. เธอทำให้ฉันโกรธจริง ๆ นะ หรือ เธอทำให้ฉันหลงใหล
Out of the question ! เป็นไปไม่ได้
Good old day ความหลัง
Keep one’s finger crosses ภาวนาให้สมหวัง, อวยพรให้, ขอให้สมหวัง
Make up his mind เปลี่ยนใจ
Window Shopping ดูอย่างเดียวไม่ได้ซื้อ
How about . . . ชักชวน . . . หรือ ถามความเห็น
What about . . . เสนอแนะ . . . ดีไหม
What about your father. คุณพ่อเป็นอย่างไร ดีไหม
What's on ? ถามชื่อของเหตุการณ์
What's up ? เกิดอะไรขึ้น
What took place ? เกิดอะไรขึ้น
What's going on? เกิดอะไรขึ้น
What's happen ? เกิดอะไรขึ้น
What's the matter? เกิดอะไรขึ้น
What's more? ยิ่งไปกว่านั้น
What's else. นอกจากนี้
So what. อะไรนะ ใช้เมื่อฟังไม่ทัน หรือไม่เข้าใจที่พูด
Guess what ? ทายสิอะไร ?
Why not? ทำไมไม่ . . . - ใช้ในการเสนอความคิด
Why not you go home and rest now? คุณก็กลับบ้านและพัก เสนอความคิด
Why did not tell me about that? ทำไมไม่บอกฉัน เป็นการตั้งคำถาม
What do you do (for a living)? ถามอาชีพ?
Pardon me ! ขอโทษ หรือ พูดให้ฟังอีกรอบ - ประโยคคำสั่ง
Please, pardon me! กรุณาพูดอีกรอบ
This is it! (That is it!) พอใจ หรือ ตรงความพอใจ, สมหวังกับที่รอคอย
ใช้กับ เวลา สถานที่ สิ่งของ ที่รอคอยซึ่งได้มาถึงแล้ว
That’s life. (Such is life.) ยอมรับสภาพทั่วไป, ชีวิตก็เป็นแบบนี้
(ขอไปหลายสิ่ง ใช้ของหลายสิ่ง พิถีพิถัน และ ได้ครบตรงตามที่ขอ ไม่ขาด ไม่พลาด)
Dear me! (อุทาน) โอ้วทำไปได้ หรือ ได้โปรดเถอะ
My dear! Dear, dear! (อุทาน) โอ้วทำไปได้ หรือ ได้โปรดเถอะ
I couldn’t agree more. เห็นด้วย จนไม่มีอะไรที่ไม่เห็นด้วยอีกแล้ว
Who’s who? ใครเป็นใคร ใช้ในการบอกที่มา เช่น สมุดประวัติคนไข้
That’s that. พอกันที, จบได้แล้ว
What’s what? รู้จักแยกแยะว่าคืออะไร?
That’s all. = That’ll do. เท่านั้นก็พอ, ครบถ้วน, หมดแล้ว
Coming right up! มาได้เหมาะเจาะ
It’s my pleasure. ด้วยความยินดี
All that ทั้งหมดตามนั้น
All in all พิจารณาทั้งหมด, โดยรวม
All at once ทันใดนั้น
Anyway เอาเป็นว่า, ได้เรื่องคือ, สิ่งที่จะพูดคือ, กล่าวคือ
Cut down ลด หรือ ย่อ
Make it over มอบมรดก
Drop you a line เขียนจดหมาย
Get in touch ติดต่อหากัน
Keep off ออกห่าง ไปให้พ้นทาง
Get on/ off ขึ้น/ลง รถพาหนะ
Get out ออกไป
Look (around) for หา (ใกล้ๆ)
Knocks me off ทำงานจนแทบเป็นลม, เสร็จงาน, ขโมยความคิด
Do me in ทำให้ฉันเบื่อมาก
Get me to เริ่มจะ (โมโห) ใช้ในทางที่ไม่ดี ไม่พอใจ รำคาญ
Fall over ล้ม, หกล้ม
Fight like cat and dog เถียงกันรุนแรง
Take a deep breath หายใจลึกๆ ไม่ต้องตกใจ
Sleep on it ขอไปคิดก่อนหนึ่งคืน พรุ่งนี้ให้คำตอบ
Be accountable ยอมรับว่าตนผิด
Back it out ห้ามเผยแพร่
Blackout ปิดไฟ, ไฟดับ
Call it off เลื่อนออกไป
Food for thought ไตร่ตรอง, เรื่องที่คิดก่อนลงมือ
A world of difference มาจากคนละพื้นฐาน, พื้นเพต่างกันมาก, พัฒนาไปไกล
A slip of the tongue พูดผิดไปเล็กน้อย, ลิ้นรัว, ลิ้นพันกัน
Play out เสร็จสิ้น
Play along เล่นไปตามบท, ทำเป็นร่วมมือ, ไปตามน้ำ
Play down ลดบทบาท
Play back เล่นรายการที่อัดหรือเล่นหลังจากการบันทึกภาพเสียง
It’s on me. ฉันจ่ายให้, ให้เป็นหน้าที่ฉัน
It’s touch and go. เสี่ยงอันตราย
It’s anyone’s guess. ไม่มีใครคาดเดาได้
It’s up in the air. ไม่มีการตัดสินใจ, เรื่องที่รอการตัดสินใจ
It’s overrated. เป็นจำนวนมาก หรือ มากจนล้น
Just be on the safe side. เพื่อไม่ต้องเสี่ยง, เตรียมการล่วงหน้า
Off the top of my head พูดจากความรู้สึกนึกคิดจริงๆ
Not at the top of my head ไม่ได้พูดหรือแสดงจากความรู้สึกนึกคิดจริง
Keep your head. คุมอารมณ์ ทำจิตใจให้ไม่ว้าวุ่นในเหตุการณ์ที่ยาก
Lose your head. ฟุ้งซ่าน, วุ่นวาย, ในสถานการณ์ลำบากควบคุมไม่อยู่
Drop the ball. ทำสิ่งผิดพลาด, ไม่บรรลุจุดหมาย
Hit the sack. (Hit the hay.) ไปเข้านอน
Get the sack. ออกจากงาน, ทิ้งงาน, ลาออก
Tie the knot. แต่งงาน
Pave the way. เตรียมการ, ปูทางรอไว้ล่วงหน้า
Call the shots/tune. เป็นผู้เลือกเองว่าจะทำอะไร, คนที่ตัดสินใจทำ
That’s life. (Such is life.) ยอมรับสภาพทั่วไป, ชีวิตก็เป็นแบบนี้
Let me meet you half way. พบกันคนละครึ่งทาง, จุดพอดีของความเห็นที่ไม่ตรงกัน
First thing first ทำตามคำสั่งทีละขั้น
On top of the mountain ดีใจที่สุด
Over the hill ผ่านไปแล้ว
Just around the corner เร็วๆนี้ ใกล้ถึงแล้ว
Over the (silver) moon ดีใจมาก
On the bright side มองโลกในแง่ดี
Under a cloud ผู้ต้องสงสัย
Every cloud has a silver lining. ในร้ายยังมีดี, ในความโชคร้ายยังมีความหวัง
A drop in the ocean เล็กน้อยเมื่อเทียบกัน
Without a shadow of doubt ไม่ต้องสงสัย มั่นใจแน่นอน
A change of heart เปลี่ยนการตัดสินใจเนื่องจากได้ตัดสินใจผิดพลาด
A stick in the mud แฟชั่นล้าหลังหรือเฉยมาก, ลุงเชย
Whatever you say . เชิญคุณพูดตามสบาย(ประชด), พูดได้พูดไป
That’s the golden rule. ทำสิ่งใดย่อมได้สิ่งนั้น
That has nothing to do with it. อยู่นิ่งๆ ทำเป็นไม่สนใจ
Back to square one กลับไปยังจุดเริ่มต้น หรือ ไม่มีผลงาน
As good as (practically) ใช้ได้
Keep a low profile ทำตัวไม่โดดเด่น= remain inconspicuous
Believe me! เป็นเรื่องจริง
I couldn’t believe my eyes! (believe one’s ears or one’s eye)
ฉันไม่อยากเชื่อสายตา = สิ่งที่ได้เห็นหรือได้ยินเป็นเรื่องจริง
Baby boomer ช่วงหลังสงครามโลก 1924-1964 ทารกเกิดมากในอเมริกา
Let’s go halves. (go half and half) แบ่งกันคนละครึ่ง หรือ พบกันคนละครึ่ง
Things got out of hand. ทุกสิ่งกลายเป็น ควบคุมไม่อยู่ - รับมือไม่ได้ (out of hand)
This is off the topic. นี่นอกเรื่อง (ออกนอกเรื่อง)
That’s putting it strongly. นั่นทำให้เรื่องเข้มข้น
You can say that again. เป็นอย่างที่คุณพูด, พูดอย่างเดิม
For sure I would play safe. แน่นอน ฉันจะหลีกเลี่ยงอันตราย
I wonder if you can lose heart ฉันสงสัยว่า คุณจะตัดใจได้หรือไม่
(give heart ให้ความรัก lose heart เลิกรัก)
Rip off โกงเงิน ขโมยเงิน
Learn one’s lesson เรียนรู้จะไม่ทำผิดอีกครั้ง หรือ ไม่ทำผิดซ้ำสอง
Wash one’s hand ไม่เกี่ยวข้องหรือรับผิดชอบใด
Down and out เงินหมด
Back and forth วนซ้ำ, วิ่งไปมา
Why on earth, What on earth นั่น(เน้นว่า)ทำไม, นั่น(เน้นว่า)อะไร
It’s a shame. สำนึกน่าละอาย (ผู้พูดรู้สึกละอายใจ)
Sleep like a log หลับเป็นตาย
Take a risk. เสี่ยง, ท้าอันตราย
I’m on foot. เดินมา
Give me a ride. นั่งรถไปด้วยกัน, อาสาไปส่ง
It’s food for thought for them. เป็นเรื่องที่ต้องใตร่ตรองให้รอบคอบสำหรับพวกเขา
So far so good ยิ่งทำยิ่งดี-ก้าวหน้า
Good for you ยินดีด้วย
Hang in there อดทน, อึดเข้าไว้
Get back กลับมา
On track เกือบสำเร็จ
Far off อีกนาน
Get hold of โทรหา (โทรตามตัวหรือโทรจิก)
That’s out of the question. เป็นไปไม่ได้
I didn’t put her through. ฉันไม่ได้ต่อสายโทรศัพท์ของเธอ
คำศัพท์เกี่ยวกับห้องนอน
ในห้องนอน
(In the Bedroom)
alarm clock (อะ-ลาม-คล็อก) นาฬิกาปลุก
bed (เบด) เตียงนอน
bedroom lamp (เบด-รูม-แล้มพฺ) ไฟกิ่งในห้องนอน
bedspread (เบด-สะ-เปรด) ผ้าคลุมเตียง
blanket (แบล้ง-เค็ท) ผ้าห่ม
bolster (โบล-สะ-เทอร์) หมอนข้าง
bunk bed (บั้งคฺ-เบด) เตียงนอนแบบ 2 ชั้น
comb (คอมบฺ) หวี
cupboard (คัพ-บอร์ด) ตู้เก็บของ
cosmetics (คอส-เม-ติกส์) เครื่องสำอาง(หลายชนิด)
drawer (ดรอ-เออร์) ลิ้นชัก
dresser (เดรส-เซอร์) โต๊ะเครื่องแป้ง
hanger (แฮง-เกอร์) ไม้แขวนเสื้อผ้า
mattress (แม็ท-เทรส) ฟูก, ที่นอน
mirror (มิร-เรอะ) กระจก
night table (ไน้ทฺ-เท-เบิล) โต๊ะหัวเตียง
pillow (พิล-โลวฺ) หมอน
rug (รัก) พรมปูพื้น
sheet (ชีท) ผ้าปูที่นอน
wardrobe (วอร์ด-โรบ) ตู้เสื้อผ้า/เครื่องแต่งกาย
(In the Bedroom)
alarm clock (อะ-ลาม-คล็อก) นาฬิกาปลุก
bed (เบด) เตียงนอน
bedroom lamp (เบด-รูม-แล้มพฺ) ไฟกิ่งในห้องนอน
bedspread (เบด-สะ-เปรด) ผ้าคลุมเตียง
blanket (แบล้ง-เค็ท) ผ้าห่ม
bolster (โบล-สะ-เทอร์) หมอนข้าง
bunk bed (บั้งคฺ-เบด) เตียงนอนแบบ 2 ชั้น
comb (คอมบฺ) หวี
cupboard (คัพ-บอร์ด) ตู้เก็บของ
cosmetics (คอส-เม-ติกส์) เครื่องสำอาง(หลายชนิด)
drawer (ดรอ-เออร์) ลิ้นชัก
dresser (เดรส-เซอร์) โต๊ะเครื่องแป้ง
hanger (แฮง-เกอร์) ไม้แขวนเสื้อผ้า
mattress (แม็ท-เทรส) ฟูก, ที่นอน
mirror (มิร-เรอะ) กระจก
night table (ไน้ทฺ-เท-เบิล) โต๊ะหัวเตียง
pillow (พิล-โลวฺ) หมอน
rug (รัก) พรมปูพื้น
sheet (ชีท) ผ้าปูที่นอน
wardrobe (วอร์ด-โรบ) ตู้เสื้อผ้า/เครื่องแต่งกาย
คำศัพท์เกี่ยวกับห้องน้ำ
ในห้องน้ำ
(In the Bathroom)
backbrush (แบ็ค-บรัช) แปรงถูหลัง
bath mat (บาธ-แม็ธ) พรมเช็ดเท้า, ผ้าเช็ดเท้า
bathtub (บาธ-ทับ) อ่างอาบน้ำ
basin (เบ-ซิ่น) อ่างล้างมือ, อ่างล้างหน้า
bidet (ไบ-เด็ท) โถปัสสาวะ
cabinet (แค-บิ-เน็ต) ตู้เก็บของ
faucet (ฟอ-เซ็ท) ก๊อกน้ำ
heater (ฮีท-เทอร์) เครื่องทำความร้อน
shampoo (แชม-พู) แชมพู / ยาสระผม
shower (ชาว-เวอร์) ฝักบัวอาบน้ำ
shower cap (ชาว-เวอร์-แค็พ) หมวกคลุมผมอาบน้ำ
sink (ซิ้งคฺ) อ่างล้างมือ, อ่างล้างหน้า
soap (โซพ) สบู่
sponge (สพันจฺ) ฟองน้ำถูตัว
talcum powder (ทัล-คั่ม-พาว-เดอร์) แป้งฝุ่นโรยตัว
tap (แท็พ) ก๊อกน้ำ
toothbrush (ทูธ-บรัช) แปรงสีฟัน
toothpaste (ทูธ-เพสทฺ) ยาสีฟัน
toilet bowl (ทอย-เล็ต-โบลวฺ) โถชักโครก
toilet paper (ทอย-เล็ต-เพ-เพอร์) กระดาษชำระ
towel (ทาว-เอ็ล) ผ้าขนหนู, ผ้าเช็ดตัว
(In the Bathroom)
backbrush (แบ็ค-บรัช) แปรงถูหลัง
bath mat (บาธ-แม็ธ) พรมเช็ดเท้า, ผ้าเช็ดเท้า
bathtub (บาธ-ทับ) อ่างอาบน้ำ
basin (เบ-ซิ่น) อ่างล้างมือ, อ่างล้างหน้า
bidet (ไบ-เด็ท) โถปัสสาวะ
cabinet (แค-บิ-เน็ต) ตู้เก็บของ
faucet (ฟอ-เซ็ท) ก๊อกน้ำ
heater (ฮีท-เทอร์) เครื่องทำความร้อน
shampoo (แชม-พู) แชมพู / ยาสระผม
shower (ชาว-เวอร์) ฝักบัวอาบน้ำ
shower cap (ชาว-เวอร์-แค็พ) หมวกคลุมผมอาบน้ำ
sink (ซิ้งคฺ) อ่างล้างมือ, อ่างล้างหน้า
soap (โซพ) สบู่
sponge (สพันจฺ) ฟองน้ำถูตัว
talcum powder (ทัล-คั่ม-พาว-เดอร์) แป้งฝุ่นโรยตัว
tap (แท็พ) ก๊อกน้ำ
toothbrush (ทูธ-บรัช) แปรงสีฟัน
toothpaste (ทูธ-เพสทฺ) ยาสีฟัน
toilet bowl (ทอย-เล็ต-โบลวฺ) โถชักโครก
toilet paper (ทอย-เล็ต-เพ-เพอร์) กระดาษชำระ
towel (ทาว-เอ็ล) ผ้าขนหนู, ผ้าเช็ดตัว
สุภาษิต คำคม
การศึกษาสุภาษิต-คำคมภาษาอังกฤษ จะทำให้เราทราบความหมายของสุภาษิต-คำคมนั้น
ได้รับความรู้เรื่องคำศัพท์ อีกทั้งยังได้เรียนรู้ความเชื่อ ค่านิยมและวัฒนธรรมเจ้าของภาษาที่สอดแทรกอยู่ ประโยชน์สูงสุดคือการมีคุณธรรมและจริยธรรมที่ดีจากสุภาษิต-คำคม ซึ่งสามารถนำไปใช้ในชีวิตประจำวันได้ ซึ่งผู้จัดทำได้รวบรวมไว้ดังนี้
ได้รับความรู้เรื่องคำศัพท์ อีกทั้งยังได้เรียนรู้ความเชื่อ ค่านิยมและวัฒนธรรมเจ้าของภาษาที่สอดแทรกอยู่ ประโยชน์สูงสุดคือการมีคุณธรรมและจริยธรรมที่ดีจากสุภาษิต-คำคม ซึ่งสามารถนำไปใช้ในชีวิตประจำวันได้ ซึ่งผู้จัดทำได้รวบรวมไว้ดังนี้
1. An accident is due to lack of proper care. = อุบัติเหตุมักจะเกิดขึ้นจากการขาดความระมัดระวัง
2. Don’t charge your memory with too many facts = อย่าใช้สมองจดจำเรื่องราวต่าง ๆ ให้มากจนเกินไป
3. A mad man is not responsible for his actions. = คนบ้าไม่ต้องรับผิดชอบในการกระทำของเขา
4. It’s a sad house where the hen crows louder than the cock. = สามีเป็นช้างเท้าหน้า ภรรยาเป็นช้างเท้าหลัง
5. Marriage is an expensive luxury. = การแต่งงานเป็นของฟุ่มเฟือยที่แสนแพง
6. Fools build house; wise men buy them. = คนโง่สร้างบ้านอยู่ คนฉลาดซื้อบ้านสร้างเสร็จอยู่
7. Keep something for a rainy day. = กินน้ำเผื่อแล้ว
8. There is no fool like an old fool. =ไม่มีใครโง่เกินคนแก่โง่
9. Kill not the goose that lays the golden eggs. = โลภมากลาภหาย.
10. Facts are stubborn things. = ความจริงล้างอย่างไรก็ไม่เลือนหาย
11. It is a foolish sheep that makes. The wolf his confessor. = อย่าชี้โพรงให้กระรอก
12. Brave actiuons never want trumpet. = การกระทำอันกล้าหาญ ไม่จำเป็นต้องป่าวประกาศให้ใครรู้
13. Good manners are part and parcel of a good education. = กิริยามารยาทที่สุภาพเรียบร้อย เป็นส่วนสำคัญจากการได้รับการศึกษาดี
14. A bad workman always blames his tool. = รำไม่ดีโทษปี่โทษกลอง
15. Habituate yourself to hard work. = จงฝึกฝนตัวเองให้เคยชินกับงานหนัก
16. Fine features make fine birds. = ไก่งามเพราะขน คนงามเพราะแต่ง
17. Man has gregarious habits. = มนุษย์ชอบอยู่รวมกันเป็นกลุ่มเป็นหมู่คณะ
18. Big fish eat little fish. = ปลาใหญ่กินปลาเล็ก
19. Guardianship has many responsibillitie. = การเป็นผู้ปกครองนั้นต้องมีความรับผิดชอบมาก
20. A friend in need is a friend indeed = เพื่อนแท้คือเพื่อนในยามยาก
21. Birds of a feather flock together = คบคนพาล พาลพาไปหาผิด
22. Actions speak louder than words = ทำดีกว่าพูด
23. A bird in head is worth two in the bush = สิบเบี้ยใกล้มือ
24. A rolling stone gathers no moss = รู้รักษาตัวรอดเป็นยอดดี
25. Absence makes the heart grow fonder = ตัวไกลใจอยู่ยิ่งไกลก็ยิ่งรักกัน
26. Make hay while the sun shines = น้ำขึ้นให้รีบตัก
27. He laughs best who laughs last = หัวเราะทีหลังดังกว่า
28. Listeners hear no good of themselves = นินทากาเลเหมือนเทน้ำ
29. It is never too late to mend = ไม่มีอะไรสายสำหรับการเริ่มต้น
30. Still water runs deep = น้ำนิ่งไหลลึก
31. Good cloths open all doors. = ไก่งามเพราะขน คนงามเพราะแต่ง
32. Overtly agree but coertly oppose = ปากว่าตาขยิบ หรือพูดอีกอย่างแต่ทำอีกอย่าง
33. Cry for the Moon = กระต่ายหมายจันทร์ หมายถึงหนุ่มหมายปองสาวที่มีฐานะดีกว่า
34. Apple of sodom =สวยแต่รูป จูบไม่หอม งามภายนอกแต่ใจแย่ไง
35. When misfortune reaches the limit, good fortune is at hand = ต้นร้ายปลายดี
เริ่มต้นไม่ดีแต่ไปดีเอาตอนหลัง
36. Between the devil and the deep blue sea = หนีเสือปะจรเข้
37. Be caught red-handed = จับได้คาหนังคาเขา
38. To take for a needle in a haystack = งมเข็มในมหาสมุทร
39. To eat one's cake and have it too = จับปลาสองมือ
40. To take something with a pinch of salt = ฟังหูไว้หู ฟังแล้วคิดพิจารณาก่อนจะเชื่อ
41. As you sow, so you reap = ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว
42. Cannot make head or tail of = จับต้นชนปลายไม่ถูก
43. You can not teach old dogs new tricks. = เราไม่สามารถสอนกลเม็ดใหม่ๆ ให้สุนัขแก่ได้....
หรือ ไม้แก่ดัดยากนั่นเอง...
44. Where there is a will, there is a way = ความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จอยู่ที่นั่น
45. Look before you leap = จงดูให้ดีก่อนื้จะกระโดด หมายถึง คิดให้ดี รอบคอบก่อนที่จะทำอะไร
46. Prevention is better than cure = กันไว้ดีกว่าแก้
47. Do as Romans do when you are in Rome = จงทำตัวให้เหมือนคนโรมันเมื่ออยู่ในกรุงโรม....
หรือ เข้าเมืองตาหลิ่วต้องหลิ่วตาตาม
48. Joy and sorrow are as near as today and tomorrow. = ความสุขกับความทุกข์อยู่ใกล้กันเหมือนวันนี้กับวันพรุ่งนี้
49. He who has never tasted bitterness does not know what is sweet = ผู้ที่ไม่เคยรับรู้รสของความขมขื่น
จะไม่รู้ว่าความหวานชื่นคืออะไร
50. One who lives in a glasshouse should not throw stones. = เมื่ออยู่ในเรือนกระจกไม่ควรขว้างก้อนหิน
หมายถึงเมื่ออยู่ในที่ๆ เสีบเปรียบก็อย่าหาเรื่องผู้อื่น
51."Time and tide wait for no man" = เวลาและกระแสน้ำไม่เคยคอยใคร
52. Everyone thinks his own burden the heaviest. = ทุกคนมักคิดว่าภาระของตนหนักกว่าของผู้อื่นเสมอ
53. No one is too old to learn = ไม่มีใครแก่เกินเรียน
54. Reading makes a full man. = การอ่านหนังสือทำให้เป็นคนที่สมบูรณ์
55. All men naturally desire to know. = มนุษย์ทุกคนย่อมอยากรู้โดยธรรมชาติ
56. Be quick to hear and slow to speak.= ฟังให้เร็ว แต่พูดให้ช้า
57. Live to learn to live. = จงอยู่เพื่อเรียนรู้การดำรงชีวิต
58. Brave actions never want trumpet. = การกระทำอันกล้าหาญ ไม่จำเป็นต้องป่าวประกาศ
59. Words once spoken cannot be altered. = คำพูดที่กล่าวไปแล้ว ย่อมไม่อาจจะเปลี่ยนแปลงได้
60. Though strength fails, boldness is praiseworthy. = ถึงแม้ว่ากระทำสิ่งใดยังไม่เป็นผลสำเร็จ
แต่การที่ได้กล้าทำนั้นควรได้รับการยกย่อง
61. No one is harmed by thinking. =การไตร่ตรองยั้งคิด ไม่เคยทำอันตรายใคร
62. Order will render the work facile. = ความมีระเบียบวินัย เป็นสิ่งที่ทำให้การทำงานราบรื่นขึ้น
63. Every obstacle is surmountable. = อุปสรรคทุกอย่าง ย่อมผ่านพ้นไปได้เสมอ
64. Health is wealth. = ความไม่มีโรคเป็นลาภอันประเสริฐ
65.What can't be cured must be endured. =เมื่อสิ่งใดหมดทางที่จะแก้ไขได้แล้ว ก็ต้องยอมรับและทนในสิ่งนั้น
66. Peace begins where ambition ends. =ความสงบจะเริ่มขึ้น ณ ที่ซึ่งความเห่อเหิม ทะเยอทะยานได้สิ้นสุดลงแล้ว
67. Trial and error is the source of our knowledge. =เมื่อได้ทดลองทำสิ่งใดๆ แล้วผิดพลาด
นั่นคือข้อมูลแห่งความรู้ของเราเอง
68. Happyness belong to the contented. =บุคคลจะมีความสุขหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับความพอใจ
69.Don't shrink any task because of its arduousness. =อย่าละทิ้งงานใดๆ เพียงเห็นว่างานนั้นยาก
70.The tongue is like a sharp knife; it kills without drawing blood.= ลิ้นเหมือนมีดคม สามารถฆ่าได้โดยไม่มีเลือดตก
2. Don’t charge your memory with too many facts = อย่าใช้สมองจดจำเรื่องราวต่าง ๆ ให้มากจนเกินไป
3. A mad man is not responsible for his actions. = คนบ้าไม่ต้องรับผิดชอบในการกระทำของเขา
4. It’s a sad house where the hen crows louder than the cock. = สามีเป็นช้างเท้าหน้า ภรรยาเป็นช้างเท้าหลัง
5. Marriage is an expensive luxury. = การแต่งงานเป็นของฟุ่มเฟือยที่แสนแพง
6. Fools build house; wise men buy them. = คนโง่สร้างบ้านอยู่ คนฉลาดซื้อบ้านสร้างเสร็จอยู่
7. Keep something for a rainy day. = กินน้ำเผื่อแล้ว
8. There is no fool like an old fool. =ไม่มีใครโง่เกินคนแก่โง่
9. Kill not the goose that lays the golden eggs. = โลภมากลาภหาย.
10. Facts are stubborn things. = ความจริงล้างอย่างไรก็ไม่เลือนหาย
11. It is a foolish sheep that makes. The wolf his confessor. = อย่าชี้โพรงให้กระรอก
12. Brave actiuons never want trumpet. = การกระทำอันกล้าหาญ ไม่จำเป็นต้องป่าวประกาศให้ใครรู้
13. Good manners are part and parcel of a good education. = กิริยามารยาทที่สุภาพเรียบร้อย เป็นส่วนสำคัญจากการได้รับการศึกษาดี
14. A bad workman always blames his tool. = รำไม่ดีโทษปี่โทษกลอง
15. Habituate yourself to hard work. = จงฝึกฝนตัวเองให้เคยชินกับงานหนัก
16. Fine features make fine birds. = ไก่งามเพราะขน คนงามเพราะแต่ง
17. Man has gregarious habits. = มนุษย์ชอบอยู่รวมกันเป็นกลุ่มเป็นหมู่คณะ
18. Big fish eat little fish. = ปลาใหญ่กินปลาเล็ก
19. Guardianship has many responsibillitie. = การเป็นผู้ปกครองนั้นต้องมีความรับผิดชอบมาก
20. A friend in need is a friend indeed = เพื่อนแท้คือเพื่อนในยามยาก
21. Birds of a feather flock together = คบคนพาล พาลพาไปหาผิด
22. Actions speak louder than words = ทำดีกว่าพูด
23. A bird in head is worth two in the bush = สิบเบี้ยใกล้มือ
24. A rolling stone gathers no moss = รู้รักษาตัวรอดเป็นยอดดี
25. Absence makes the heart grow fonder = ตัวไกลใจอยู่ยิ่งไกลก็ยิ่งรักกัน
26. Make hay while the sun shines = น้ำขึ้นให้รีบตัก
27. He laughs best who laughs last = หัวเราะทีหลังดังกว่า
28. Listeners hear no good of themselves = นินทากาเลเหมือนเทน้ำ
29. It is never too late to mend = ไม่มีอะไรสายสำหรับการเริ่มต้น
30. Still water runs deep = น้ำนิ่งไหลลึก
31. Good cloths open all doors. = ไก่งามเพราะขน คนงามเพราะแต่ง
32. Overtly agree but coertly oppose = ปากว่าตาขยิบ หรือพูดอีกอย่างแต่ทำอีกอย่าง
33. Cry for the Moon = กระต่ายหมายจันทร์ หมายถึงหนุ่มหมายปองสาวที่มีฐานะดีกว่า
34. Apple of sodom =สวยแต่รูป จูบไม่หอม งามภายนอกแต่ใจแย่ไง
35. When misfortune reaches the limit, good fortune is at hand = ต้นร้ายปลายดี
เริ่มต้นไม่ดีแต่ไปดีเอาตอนหลัง
36. Between the devil and the deep blue sea = หนีเสือปะจรเข้
37. Be caught red-handed = จับได้คาหนังคาเขา
38. To take for a needle in a haystack = งมเข็มในมหาสมุทร
39. To eat one's cake and have it too = จับปลาสองมือ
40. To take something with a pinch of salt = ฟังหูไว้หู ฟังแล้วคิดพิจารณาก่อนจะเชื่อ
41. As you sow, so you reap = ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว
42. Cannot make head or tail of = จับต้นชนปลายไม่ถูก
43. You can not teach old dogs new tricks. = เราไม่สามารถสอนกลเม็ดใหม่ๆ ให้สุนัขแก่ได้....
หรือ ไม้แก่ดัดยากนั่นเอง...
44. Where there is a will, there is a way = ความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จอยู่ที่นั่น
45. Look before you leap = จงดูให้ดีก่อนื้จะกระโดด หมายถึง คิดให้ดี รอบคอบก่อนที่จะทำอะไร
46. Prevention is better than cure = กันไว้ดีกว่าแก้
47. Do as Romans do when you are in Rome = จงทำตัวให้เหมือนคนโรมันเมื่ออยู่ในกรุงโรม....
หรือ เข้าเมืองตาหลิ่วต้องหลิ่วตาตาม
48. Joy and sorrow are as near as today and tomorrow. = ความสุขกับความทุกข์อยู่ใกล้กันเหมือนวันนี้กับวันพรุ่งนี้
49. He who has never tasted bitterness does not know what is sweet = ผู้ที่ไม่เคยรับรู้รสของความขมขื่น
จะไม่รู้ว่าความหวานชื่นคืออะไร
50. One who lives in a glasshouse should not throw stones. = เมื่ออยู่ในเรือนกระจกไม่ควรขว้างก้อนหิน
หมายถึงเมื่ออยู่ในที่ๆ เสีบเปรียบก็อย่าหาเรื่องผู้อื่น
51."Time and tide wait for no man" = เวลาและกระแสน้ำไม่เคยคอยใคร
52. Everyone thinks his own burden the heaviest. = ทุกคนมักคิดว่าภาระของตนหนักกว่าของผู้อื่นเสมอ
53. No one is too old to learn = ไม่มีใครแก่เกินเรียน
54. Reading makes a full man. = การอ่านหนังสือทำให้เป็นคนที่สมบูรณ์
55. All men naturally desire to know. = มนุษย์ทุกคนย่อมอยากรู้โดยธรรมชาติ
56. Be quick to hear and slow to speak.= ฟังให้เร็ว แต่พูดให้ช้า
57. Live to learn to live. = จงอยู่เพื่อเรียนรู้การดำรงชีวิต
58. Brave actions never want trumpet. = การกระทำอันกล้าหาญ ไม่จำเป็นต้องป่าวประกาศ
59. Words once spoken cannot be altered. = คำพูดที่กล่าวไปแล้ว ย่อมไม่อาจจะเปลี่ยนแปลงได้
60. Though strength fails, boldness is praiseworthy. = ถึงแม้ว่ากระทำสิ่งใดยังไม่เป็นผลสำเร็จ
แต่การที่ได้กล้าทำนั้นควรได้รับการยกย่อง
61. No one is harmed by thinking. =การไตร่ตรองยั้งคิด ไม่เคยทำอันตรายใคร
62. Order will render the work facile. = ความมีระเบียบวินัย เป็นสิ่งที่ทำให้การทำงานราบรื่นขึ้น
63. Every obstacle is surmountable. = อุปสรรคทุกอย่าง ย่อมผ่านพ้นไปได้เสมอ
64. Health is wealth. = ความไม่มีโรคเป็นลาภอันประเสริฐ
65.What can't be cured must be endured. =เมื่อสิ่งใดหมดทางที่จะแก้ไขได้แล้ว ก็ต้องยอมรับและทนในสิ่งนั้น
66. Peace begins where ambition ends. =ความสงบจะเริ่มขึ้น ณ ที่ซึ่งความเห่อเหิม ทะเยอทะยานได้สิ้นสุดลงแล้ว
67. Trial and error is the source of our knowledge. =เมื่อได้ทดลองทำสิ่งใดๆ แล้วผิดพลาด
นั่นคือข้อมูลแห่งความรู้ของเราเอง
68. Happyness belong to the contented. =บุคคลจะมีความสุขหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับความพอใจ
69.Don't shrink any task because of its arduousness. =อย่าละทิ้งงานใดๆ เพียงเห็นว่างานนั้นยาก
70.The tongue is like a sharp knife; it kills without drawing blood.= ลิ้นเหมือนมีดคม สามารถฆ่าได้โดยไม่มีเลือดตก
หวังว่านักเรียนคงได้ความรู้ภาษาอังกฤษเพิ่มมากขึ้นนะจ๊ะ
ภาษาอังกฤษง่ายๆใครก็เก่งได้ขอเพียงแต่.....ไม่ท้อ ...Bye.
ภาษาอังกฤษง่ายๆใครก็เก่งได้ขอเพียงแต่.....ไม่ท้อ ...Bye.
คำคมภาษาอังกฤษ
คำคมสอนใจภาษาอังกฤษ
“If you love two people, you don't love either one enough.”
ถ้าคุณรักใครสองคนพร้อมกัน นั่นหมายถึงคุณไม่ได้รักใครอย่างแท้จริงเลย
“If you love someone, put their name in a circle, instead of a heart, because hearts can break, but circles go on forever.”
หากคุณรักใครสักคน จงเขียนชื่อเขาใส่ไว้ในวงล้อ แทนที่จะเก็บเขาไว้ในใจ เพราะหัวใจสามารถแตกสลายได้ แต่วงล้อสามารถหมุนไปได้เรื่อยๆ
"To love is nothing. To be loved is something.But to love and be loved is everything."
ความรักเป็นเพียงความว่างเปล่า การถูกรักเป็นเพียงแค่บางสิ่งบางอย่าง แต่การได้รักและถูกรักนั้นคือทุกสิ่ง
"Don't kill your love with fear."
อย่าให้ความวิตกทำลายความรักของคุณ
“When looking for love, don't be selfish and look just to be loved, look for love to give all the love you have. Only then can you find love.”
ในขณะที่คุณกำลังชำเลืองหาความรัก จงอย่าเห็นแก่ตัวที่จะรับความรักแต่เพียงฝ่ายเดียว
แต่จงค้นหาความรักที่ทำให้คุณรู้จักการให้ในความรักที่คุณมีทั้งหมด เมื่อนั้นคุณจะค้นพบความรัก
แต่จงค้นหาความรักที่ทำให้คุณรู้จักการให้ในความรักที่คุณมีทั้งหมด เมื่อนั้นคุณจะค้นพบความรัก
“When a young man complains that a young woman has no heart, it is pretty sure that she has his.”
เวลาที่ชายหนุ่มคร่ำครวญว่า หญิงสาวคนนั้นไม่มีหัวใจ แน่นอนเลยว่า หล่อนอยู่ในหัวใจเขาแล้ว
"When you love, don't give your all, but give your best. It's not quantity after all, it's quality."
เมื่อคุณมีรัก มิใช่มอบให้เขาทั้งหมด แต่จงให้ในสิ่งที่ดีที่สุด เพราะทั้งหมดไม่ใช่ปริมาณ แต่เป็นคุณภาพต่างหาก
"We may not always know the moment that love begins, but we always know when it ends."
เราไม่เคยรู้เลยว่าความรักเริ่มต้นเมื่อไหร่ แต่เราจะรู้ดีเสมอเมื่อมันสิ้นสุดลง
"You get the best out of others when you give the best of yourself."
คุณจะได้รับสิ่งที่ดีที่สุดของคนอื่น เมื่อคุณได้ให้สิ่งที่ดีที่สุดของคุณไป
"The secret of success in life is to be ready for your opportunity when it comes."
ความลับของความสำเร็จคือเตรียมตัวให้พร้อมอยู่เสมอสำหรับโอกาสที่มาถึง
"The best and most beautiful things cannot be seen or even touched, they must be felt with the heart."
สิ่งที่สวยงามที่สุดมิอาจสัมผัสได้โดยสัมผัสทางกาย ทว่าต้องรับรู้ผ่านหัวใจ
"The only thing in life achieved without effort is failure."
มีเพียงสิ่งเดียวในชีวิตที่จะสามารถพิชิตได้โดยไม่ต้องใช้ความพยายามมากมายคือความล้มเหลว
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)